รายละเอียด:

พระงบน้ำอ้อยเนื้อดิน หลวงพ่อยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมใบประกาศงานประกวดสมาคม จ.ร้อยเอ็ด

"พระครูพรหมวิหารคุณ" หรือ "หลวงพ่อยิ้ม" วัดเจ้าเจ็ดใน ตำบลเจ้าเจ็ด อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อดีตเจ้าอาวาสที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนทั่วไป ท่านได้สร้างวัตถุมงคล "ประเภทพระเนื้อดิน" ที่เข้มขลังไว้ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ศึกษาและสะสมเป็นจำนวนมาก จนชาวพระนครศรีอยุธยาสมัยกาลก่อนมีคำเรียกหาถึงพระเกจินามกระเดื่องแห่งเมืองกรุงเก่าจนติดปากกันกว่า "พระหมอหลวงพ่อปาน เกจิอาจารย์หลวงพ่อจง เมตตาใหลหลงหลวงพ่อยิ้ม"

-***อัตชีวะประวัติ ท่านเป็นบุตร นายอ่วม-นางสุด กระจ่าง เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2418 ที่บ้านสาลี หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านแถว อำเภอเสนา จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้อง 3 คน ทางบ้านประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา อายุ 12 ปีได้บรรพชาเป็นสามเณร อุปสมบทเมื่ออายุครบ 20 ปี 2438 ณ พัทธสีมา ณ วัดเจ้าเจ็ดนอก โดยมี พระอาจารย์สิน วัดโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์จาด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สุ่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "สิริโชติ" หลังบวชแล้วได้ศึกษาพระธรรมวินัย ศึกษาพระคัมภีร์เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน เขียนอักขระเลขยันต์ ลบผงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จากพระอุปัชฌาย์ ครูบาอาจารย์ ผู้สืบสานวิชาอาคมมาตั้งแต่ครั้งกรุงเก่า คือ พระอาจารย์จาด และพระอาจารย์จีน สำนักวัดเจ้าเจ็ดใน ซึ่งพระอาจารย์จีน เป็นพระอาจารย์สอนอักขรสมัยให้กับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ในครั้งนั้นด้วย หลังจากนั้น ได้ย้ายไปศึกษาที่วัดกระโดงทอง ภายใต้การปกครองของหลวงพ่อบุญมี สำเร็จยันต์นะ ปัดตลอด และสามารถเขียนยันต์ผงทะลุแผ่นกระดานชนวนได้อย่างอัศจรรย์ ต่อมาได้เป็น เจ้าอาวาสวัดเจ้าเจ็ดใน ต่อจากพระอุปัชฌาย์ปั้น ครั้งเมื่อหลวงพ่อยิ้มยังมีชีวิตอยู่ท่าน เป็นพระที่อุดมด้วยศีลาจารวัตร ตลอด ชีวิตของหลวงพ่อเป็นพระที่อารมณ์เย็น เคร่งครัด แต่มีเมตตาธรรมสูง พูดน้อย และมีผู้คนไปกราบนมัสการหาสู่ท่านมิได้ขาด

-***หลวงพ่อยิ้มท่านมีวาจาสิทธิ์ พูดคำไหนเป็นคำนั้นไม่พูดมาก พูดแต่สิ่งที่ดีๆ เมื่อสั่งสอนครั้งสองครั้งยังไม่เลิกละ หลวงปู่ก็จะเปรยๆ พอให้ศิษย์ใกล้ชิดได้ยินว่า "พวกนี้มันบัวใต้น้ำ ชี้ทางสวรรค์ให้เดินไม่ยอมเดิน" และในไม่ช้าบุคคลดังกล่าวข้างต้นนี้ก็มีอันเป็นไปในที่สุด หลวงพ่อยิ้มสร้างวัตถุมงคล ตั้งแต่ปี 2475 มีทั้ง "พระงบน้ำอ้อยเนื้อดินเผา" และพระพิมพ์เนื้อดินเผาพิมพ์ต่างๆ

-***วัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้นั้นเพื่อมอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมบำเพ็ญกุศล ในการบูรณปฏิสังขรณ์วัด ทำนุบำรุงศาสนา และสานต่อหรือสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้แก่ชนรุ่นหลัง และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ มิได้สร้างไว้เพื่อหลงงมงายในอิทธิปาฏิหาริย์ "พระงบน้ำอ้อยหลวงพ่อยิ้ม" มีทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก เนื้อพระเป็นดินเผาสีหม้อใหม่ เนื้อดินแบบเดียวกับของหลวงพ่อปาน แห่งวัดบางนมโค นอกจากพระงบน้ำอ้อยแล้วยังมีพระสมเด็จ พิมพ์ปรกโพธิ์, พระสมเด็จ พิมพ์รัศมี, พระร่วงทรงยืนประทานพร, พระพุทธทรงเดินลีลา, พระพุทธชินราช, พระพิมพ์ขุนแผน, พระโคนสมอ, พระกลีบบัวฯลฯ พระทั้งหมดใช้กรรมวิธีเดียวกันในการสร้าง ลักษณะจึงคล้ายๆ กัน โดยสังเกตทางด้านหลังขององค์พระจะมีรอยลายของไม้กระดาน (ที่มักเรียกกันติดปากว่ารอยกาบหมาก)ซึ่งเกิดจากกดพิมพ์พระ โดยอาจใช้แผ่นไม้กดด้านหลังขององค์พระ เพื่อความเรียบ

-***หลวงพ่อยิ้มมีพระสหธรรมิกที่ร่วมครู-อุปัชฌาย์อาจารย์เดียวกันในยุคนั้นคือ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ซึ่งมีอายุมากกว่าหลวงพ่อยิ้ม 3 ปี อีกรูปหนึ่งคือ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเกิดปีเดียวกับหลวงพ่อยิ้ม นักเลงสมัยก่อนได้ตั้งสมญานามให้ท่านทั้งสามองค์ว่า "สามเสือแห่งกรุงเก่า" วัดของท่านเหล่านี้อยู่ไม่ไกลกันนัก ท่านเป็นสหธรรมิก และคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จนชาวอยุธยาเรียกกันติดปากว่า "พระหมอหลวงพ่อปาน เกจิอาจารย์หลวงพ่อจง เมตตาใหลหลงหลวงพ่อยิ้ม" พระเนื้อดินเผาของหลวงพ่อยิ้ม ใครมีไว้ต้อง "ยิ้ม" สมชื่อท่าน เพราะสนนราคาเช่าหาเบาๆ สบายๆ แถมยังหาง่าย เพราะสร้างไว้จำนวนมาก ส่วนเรื่องพุทธคุณความศักดิ์สิทธิ์นั้นหายห่วงทั้งทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรีครบครัน คิดจะเล่นหาต้องศึกษาให้ดี เพราะของปลอมก็มีมิใช่น้อยเช่นกันครับผม